วิตามินอี (โทโคฟีรอล/โทโคไทรอีนอล)
ข้อเท็จจริง
ละลายในไขมัน ถูกเก็บสะสมที่ตับ เนื้อเยื่อไขมัน หัวใจ กล้ามเนื้อ
อัณฑะ มดลูก เลือด ต่อหมวกไต และต่อมใต้สมอง
เดิมมีหน่วยวัดตามน้ำหนัก
แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้หน่วยตามการออกฤทธิ์ทางชีวภาพเป็นหน่วยสากล (IU) ซึ่งวิตามิน 1 ไอยูจะมีค่าเท่ากับ 1 มก.
ประกอบด้วยสารตามธรรมชาติสองกลุ่มใหญ่ คือ โทโคฟีรอลและโทรโคไทรอีนอล
โดยโทโคฟีรอล แบ่งเป็นสี่รูป คือ แอลฟา บีตา แกมมา และเดลตา
ส่วนโทโคไทรอีนอลก็ถูกแบ่งเป็นสี่รูปเช่นกัน คือ แอลฟา บีตา (เบต้า) แกมมา
และเดลตา
ในบรรดาสารทั้งแปดตัว แอลฟาโทโคฟีรอลจัดได้ว่ามีฤทธิ์ทางชีวภาพสูงสุด
แต่แกมมาโทโคฟีรอลมีประสิทธิภาพมากกว่าในการเพิ่มระดับเอนไซม์ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส
(เอสโอดี)
ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระและในการป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบเรื้อรัง
ซึ่งรวมถึงมะเร็ง อัลไซเมอร์ โรคหัวใจ และความชรา
ค่าไอยู ที่ระบุไว้ในวิตามินอีเสริมอาหาร เป็นค่าจากแอลฟาโทโรฟีรอล
ส่วนโทโคฟีรอลตัวอื่นและโทโคไทรอีนอลนั้น ถือได้ว่ามีค่าเป็นศูนย์ไอยู
ปริมาณไอยูบนฉลากผลิตภัณฑ์
ไม่ได้เป็นการระบุว่าวิตามินดีนั้นมีเพียงแอลฟาโทโคฟีรอลตัวเดียว
หรือมีโทโคฟีรอลตัวอื่นและโทโคไทรอีนอลรวมอยู่ด้วยหรือไม่
เป็นสารต้านอนุมูลอิสาระชั้นเยี่ยม
ป้องกันการเกิดออกซิเดชันของสารในกลุ่มไขมัน ทำงานเฉกเช่นเดียวกับวิตามินเอ
ซีลีเนียม กรดแอมิโนซัลเฟอร์ และวิตามินซี
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินเอ
ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันในผู้ใหญ่คือ 8-10 ไอยู
(ค่านี้อ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดของถสาบันวิจัยแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา)
ประมาณร้อยละ 60-70 ของขนาดที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน
จะถูกขับออกทางอุจจาระ วิตามินอีจะต่างกับวิตามินที่ละลายไขมันตัวอื่นคือ
ร่างกายจะเก็บสะสมไว้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง คล้ายวิตามินบีและซี
ทำหน้าที่สำคัญคล้ายเป็นยาขยายหลอดลมและยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของซีลีเนียม 25 มคก. ต่อวิตามินอี 200 ไอยู
จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินอีได้
วิตามินนี้ดีต่อร่างกายคุณอย่างไร
ช่วยให้ดูแลอ่อนกว่าวัย
โดยชะลอกระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์อันเกิดจากปฎิกิริยาออกซิเดชัน
ป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี
นำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพความทนทาน
ปกป้องปอดจากมลพิษทางอากาศ โดยทำงานร่วมกับวิตามินเอ
ช่วยป้องกันมะเร็งหลายประเภท
เพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคให้เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์
ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม
ป้องกันและสลายลิ่มเลือด
บรรเทาอาการอ่อนเพลีย
ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก
ป้องกันแผลเป็นหนานูน ทั้งภายนอก (เมื่อใช้เป็นยาทา จะสามารถซึมผ่านผิวหนังได้)
และภายใน
เร่งให้แผลไหม้บริเวณผิวหนังหายเร็วขึ้น
ทำงานคล้ายเป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยลดความดันโลหิต
ช่วยในการป้องกันภาวะแท้ง
บรรเทาอาการตะคริวหรือขาตึง
ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและอัมพฤกษ์ อัมพาต
ลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคอัลไซเมอร์
โรคจากการขาดวิตามิน
เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย กล้ามเนื้อฝ่อ โลหิตจาง และโรคของระบบสืบพันธุ์
แหล่งจากธรรมชาติที่ดีที่สุด
จมูกข้าวสาลี ถั่วเหลือง น้ำมันพืช ถั่ว (วอลนัท พีแคน และถั่วลิสง
จะมีแกมมาโทโคฟีรอลมากเป็นพิเศษ) กะหล่ำดาว ผักใบเขียว ผักขม
แป้งทำขนมปังแบบเสริมวิตามิน ขนมปังโฮลวีต ซีเรียลชนิดโฮลเกรน และไข่
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
มีจำหน่ายแบบเป็นน้ำมันชนิดแคปซูลและแบบเป็นเม็ดละลายน้ำได้
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดแอลฟาโทโคฟีรอลจากธรรมชาติ จะมีประสิทธิภาพเป็นสองเท่าของแบบสังเคราะห์
มีจำหน่ายในขนาดตั้งแต่ 100 ไปจนถึง 1,500 ไอยู
ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานแบบน้ำมัน หรือผู้ที่มีปัญหาผิวที่เกิดจากความมัน
แนะนำให้รับประทานเป็นแบบเม็ดแห้งละลายน้ำ รวมไปถึงผู้ที่อายุเกินสี่สิบปีด้วย
ขนาดที่แนะนำให้รับประทานกันโดยทั่วไปคือ 200-1,200 ไอยูต่อวัน
อาการเป็นพิษและสัญญาณบ่งว่ารับประทานมากไป
ไม่พบว่าเป็นพิษต่อร่างกาย
ศัตรู
ความร้อน ออกซิเจน อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง กระบวนการแปรรูปอาหาร
เหล็ก คลอรีน น้ำมันแร่ธรรมชาติ
คำแนะนำส่วนตัว
หากคุณรับประทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนสูง
คุณอาจต้องการวิตามินอีเสริม
วิตามินอีในปริมาณสูง
เสริมการทำงานของยาต้านการแข็งตัวของเลือดและลดการดูดซึมของวิตามินเค
ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว ดังนั้นหากคุณกำลังจะเข้ารับการผ่าตัด
ผมแนะนำให้หยุดรับประทานวิตามินอีสองสัปดาห์ ก่อนและหลังการผ่าตัด
นอกเสียจากว่าแพทย์ประจำตัวแนะนำให้รับประทาน
ร่างกายของเราจะดูดซึมวิตามินอีจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดจากธรรมชาติได้มากเป็นสองเท่าของแบบสังเคราะห์
โดยดูที่ข้างขวดจะพบว่าวิตามินอีจากธรรมชาติจะระบุว่าเป็นดี-แอลฟาโทโคฟีรอล
ในขณะที่แบบสังเคราะห์จะเขียนว่า ดีแอล-แอลฟาโทโคฟีรอล
การรับประทานโทโคไทรอีนอลนั้น
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับประทานร่วมกับอาหารที่มีน้ำมันหรือไขมันประกอบอยู่ด้วย
การรับประทานแอลฟาโทโคฟีรอลเป็นปริมาณสูง
จะทำให้ระดับของแกมมาโทโคฟีรอลในเลือดลดลง ซึ่งแกมมาโทโคฟีรอลนี้มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบ
(อนุมูลอิสระที่มีไนโตรเจนสัมพันธ์กับโรคต่าง ๆ อาทิ มะเร็ง อัลไซเมอร์
และโรคหัวใจ)
หากรับประทานแกมมาโทโคฟีรอล
จะทำให้ระดับของแอลฟาและแกมมาโทโคฟีรอลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
พบว่าแกมมาโทโคฟีรอลมีประสิทธิภาพสูงสุดในการยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ธาตุเหล็กอนินทรีย์ (เฟอร์รัสซัลเฟต) ทำลายวิตามินอีได้
คุณจึงไม่ควรรับประทานร่วมกัน
หากคุณรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีเฟอร์รัสซัลเฟต
คุณควรรับประทานวิตามินอีแปดชั่วโมงก่อนหรือหลังรับประทานเฟอร์รัสซัลเฟต
เฟอร์รัสกลูโคเนต เฟอร์รัสเปปโทเนต เฟอร์รัสซิเทรต และเฟอร์รัสฟูเมเรต
(ธาตุเหล็กอินทรีย์) ไม่ทำลายวิตามินอี
หากคุณดื่มน้ำที่มีคลอรีน
ร่างกายคุณจะต้องการวิตามินอีเพิ่มมากกว่าปกติ
หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
รวมไปถึงผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนเสริม ล้วนต้องการวิตามินอีเพิ่ม
ผมแนะนำให้ผู้หญิงที่ย่างเข้าสู่วัยทองเพิ่มการรับประทานวิตามินอี
(หากคุณอายุน้อยกว่าสี่สิบปี ขนาด 400 ไอยูถือว่าเหมาะสม
แต่หากอายุมากกว่าสี่สิบปี ผมแนะนำให้รับประทาน 800 ไอยูต่อวัน
เป็นแบบเม็ดแห้งจะดีมาก)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น