ss ไบโอติน (โคเอนไซม์อาร์ หรือวิตามินเอช) ~ HEALTH 2 U สาระสุขภาพ

ไบโอติน (โคเอนไซม์อาร์ หรือวิตามินเอช)

ไบโอติน (โคเอนไซม์อาร์ หรือวิตามินเอช)

ข้อเท็จจริง
เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ มีซัฟเฟอร์เป็นส่วนประกอบ และเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลวิตามินบีรวม โดยปกติมีหน่วยวัดเป็นไมโครกรัม (มคก.)
การสังเคราะห์กรดแอสคอร์บิกต้องใช้ไปโดตินเป็นตัวช่วย
มีส่วนสำคัญต่อการเผาผลาญไขมันและโปรตีน
ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 100-300 มคก.
แบคทีเรียในลำไส้สังเคราะห์วิตามินนี้ได้
ไข่ดิบลดการดูดซึมของวิตามิน
ทำงานเสริมกันกับบี 2 บี 6 ไนอะซิน และวิตามินเอ และช่วยในการรักษาสุขภาพผิวพรรณ


วิตามินนี้ดีต่อร่างกายคุณอย่างไร
ช่วยป้องกันผมหงอก ช่วยในการป้องกันและรักษาโรคเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะล้าน
บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการผื่นผัวหนังอักเสบ ผื่นคัน ช่วยป้องกันและรักษาเล็บแห้งเปราะ

โรคจากการขาดวิตามิน
ผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณหน้าและตัว อ่อนเพลียหมดเรี่ยวแรง กระบวนการเผาผลาญไขมันไม่สมบูรณ์ เบื่ออาหาร ผมร่วง ซึมเศร้า

แหล่งจากธรรมชาติที่ดีที่สุด
ตับวัว ไข่แดง แป้งถั่วเหลือง บริวเวอร์ยีสต์ นม เนยถั่ว และข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ไบโอตินมักรวมอยู่ในวิตามินบีรวมและวิตามินรวมทั่วไป ขนาดที่รับประทานโดยทั่วไปคือ 25-300 มคก.ต่อวัน

อาการเป็นพิษและสัญญาณเตือนว่ารับประทานมากไป
ยังไม่พบผู้มีอาการเป็นพิษจากไบโอติน

ศัตรู
ไข่ขาวดิบ (มีอะวิดิน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ขัดขวางการดูดซึมของไบโอติน) น้ำ ยาในกลุ่มซัลฟา ฮอร์โมนเอสโทรเจน กระบวนการแปรรูปอาหาร และแอลกอฮอล์

คำแนะนำส่วนตัว
หากคุณดื่มเครื่องดื่มปั่นโปรตีนสูง ซึ่งมีไข่ดิบผสมอยู่ คุณอาจต้องการไบโอตินเสริม
หากคุณกำลังรับประทานยาปฏิชีวนะหรือยาในกลุ่มซัลฟา ควรรับประทานไบโอตินอย่างน้อย 25 มคก.ต่อวัน ผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วง อาจพบว่าการรับประทานไบโอตินเสริม จะช่วยให้ผมคงอยู่บนหนังศีรษะนานขึ้น ระลึกไว้เสมอว่าไบโอตินทำงานเสริมกันและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับบี 2 บี 6 ไนอะซิน และวิตามินเอ

ขณะตั้งครรภ์ ระดับของไบโอตินจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่สัมพันธ์กับน้ำหนักแรกเกิดของลูก แต่คุณก็อาจปรึกษาแพทย์ประจำตัวถึงความเป็นไปได้ที่จะรับประทานเป็นอาหารเสริม เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น เพื่อรักษาอาการเล็บแห้ง ฉีก เปราะ ลองรับประทานไบโอติน 300 มคก. ทุกวันเป็นเวลาสามเดือน หากคุณสังเกตว่าอาการดีขึ้นค่อยปรับลดขนาดยาลง ในทางตรงข้าม หากไม่พบอาการดีขึ้นเลย ควรหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์ผิวหนังจะดีกว่า




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความอาหารเสริมที่เกี่ยวข้อง