ด้วยการดูแลรักษาตามอาการ
โดยไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ดังนี้
1.
พักผ่อน
หยุดเรียน หยุดงาน เวลาออกนอกบ้านหรืออยู่ร่วมกับผู้อื่น ควรสมหน้ากากอนามัย
และหมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ หรือการชโลมมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อหวัดให้ผู้อื่น
2.
งดสูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่
3.
ดื่มน้ำมาก ๆ
เช่น น้ำอุ่น น้ำมะนาวหรือน้ำขิงอุ่น
ซุปร้อน ช่วยให้ชุ่มคอ แก้คัดจมูก
4.
ดื่มนม
น้ำผลไม้ กินอาหารอ่อนหรืออาหารที่ย่อยง่าย
5.
หลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็น
และหมั่นเช็ดตัวเวลามีไข้สูง
6.
ถ้ามีอาการเจ็บคอ
ให้กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ (ผสมเกลือ ½-1
ช้อนชารหือช้อนป้อนยาเด็ก ขนาด 5 มล. ในน้ำอุ่น
1 แก้ว ขนาด 250 มล.) วันละ 2-3 ครั้ง
7.
ถ้ามีไข้สูง
กินพาราเซตามอลบรรเทา หากไม่มีไข้หรือมีไข้เพียงเล็กน้อยไม่ต้องกิน
8.
เด็กโตและผู้ใหญ่
ถ้ามีน้ำมูกมาก กินยาลดน้ำมูก แนะนำให้กนิคลอร์เฟนิรามิน (ซึ่งเป็นยาแก้หวัด
แก้แพ้ตัวเก่าแก่และอาจทำให้ง่วงซึม) จะมีฤทธิ์ช่วยลดน้ำมูกได้ดีกว่ายาแก้หวัดแก้แพ้ชนิดใหม่
ๆ ที่กินแล้วไม่ง่วง ถ้าไอมาก จิบน้ำอุ่นบ่อย
หรือกินยาแก้ไข บรรเทาเป็นครั้งคราว
สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 4
ขวบ ไม่ควรกินยาลดน้ำมูกและยากแก้ไอแบบผู้ใหญ่
เพราะอาจมีโทษมากกว่าประโยชน์
ถ้ามีน้ำมูกมาก ให้ใช้กระดาษทิชชูหรือไม่พันสำลีเช็ดออก หรือใช้ลูกยางแดงดูดออก
ถ้าไอมาก ให้จิบน้ำผึ้งผสมมะนาว (น้ำผึ้ง 4 ส่วน ผสมกับน้ำมะนาว 1 ส่วน)
ซึ่งห้ามใช้สำหรับทารกอายุต่ำกว่า 1 ขวบ
เพราะอาจมีการติดเชื้อที่ปนเปื้อนในน้ำผึ้งแทรกซ้อน เนื่องจากสภาพร่างกายมีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าทารกที่มีอายุมากกว่า
1 ขวบได้
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้ว
ก็ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน ดูแลสุขภาพของตนเองและคนใกล้ชิดให้ดี และหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ
ก็จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น